การโจรกรรมข้อมูลเป็นภัยคุกคามทางธุรกิจที่กำลังเติบโต 5 หัวใจสำคัญด้านความปลอดภัย
บทความจาก WatchGuard นี้เน้นย้ำว่า การโจรกรรมข้อมูลตัวตน (Identity Theft) ได้พัฒนาจากปัญหาของผู้ใช้รายบุคคลมาเป็นภัยคุกคามทางธุรกิจที่ร้ายแรง องค์กรที่ใช้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยแบบแยกส่วนและขาดกลยุทธ์ที่เป็นศูนย์กลางจะตกอยู่ในความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Work) ที่ซับซ้อนขึ้น
รายงานระบุว่าจำนวนเหตุการณ์ฟิชชิ่งและการขโมยข้อมูลรับรองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น องค์กรและผู้ให้บริการจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ แนวทางเชิงกลยุทธ์ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ที่สมดุลระหว่างการป้องกัน, ความสะดวกในการใช้งาน, และความสามารถในการปรับขนาด (Scalability)
5 องค์ประกอบสำคัญในการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลตัวตน
บทความได้นำเสนอ 5 หลักการสำคัญที่ทุกองค์กรควรพิจารณาเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยของข้อมูลตัวตน:
1. การยืนยันตัวตนที่ใช้งานง่ายและเข้าถึงได้ (Intuitive and Accessible Authentication)
บริษัทยังคงพึ่งพารหัสผ่านแบบคงที่ที่คาดเดาได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุของ 80% ของการละเมิดข้อมูล แนวทางแก้ไขคือการใช้โซลูชันที่ลดความเสี่ยงลงอย่างมาก เช่น:
• Multi-Factor Authentication (MFA): การยืนยันตัวตนหลายปัจจัย
• Single Sign-on (SSO): การเข้าสู่ระบบครั้งเดียว
• Password Managers: โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน
สิ่งสำคัญที่สุดคือกระบวนการรักษาความปลอดภัยต้อง ใช้งานง่ายและราบรื่น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้หาทางลัดหรือยกเลิกการป้องกันเอง
2. การรักษาความปลอดภัยการเข้าถึงจากระยะไกล (Securing Remote Access)
การเปลี่ยนไปสู่การทำงานแบบไฮบริดได้ขยายพื้นผิวการโจมตีอย่างมาก การป้องกันจึงต้องติดตามพนักงานไปทุกที่ องค์กรควรใช้:
• หลักการ Zero Trust (Zero Trust Principles): ตรวจสอบทุกคำขอเข้าถึงอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
• นโยบายการเข้าถึงตามเงื่อนไข (Conditional Access Policies): จำกัดสิทธิ์ตามบทบาทและที่ตั้งของผู้ใช้
สิ่งนี้ช่วยให้แน่ใจว่ามีเพียงบุคคลที่เหมาะสมเท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลที่เหมาะสมได้ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใด
3. การยืนยันตัวตนตามระดับความเสี่ยง (Risk-Based Authentication)
ไม่ใช่ทุกความพยายามในการเข้าสู่ระบบจะเท่าเทียมกัน โซลูชันการป้องกันข้อมูลตัวตนขั้นสูงจะใช้รูปแบบพฤติกรรมและบริบท (เช่น ประเภทอุปกรณ์ หรือที่อยู่ IP) เพื่อ ประเมินความเสี่ยงแบบไดนามิก
• หากมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย (เช่น การพยายามเข้าสู่ระบบจากประเทศที่ไม่เคยเข้ามาก่อน) ระบบจะทำการเรียกใช้การยืนยันตัวตนเพิ่มเติมโดยอัตโนมัติ เพื่อหยุดการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติก่อนที่จะเกิดการละเมิด
4. การตรวจสอบ Dark Web (Monitoring the Dark Web)
ปัจจุบันมีข้อมูลรับรองส่วนบุคคลและทางธุรกิจกว่า 40,000 ล้านรายการ หมุนเวียนอยู่ใน Dark Web การตรวจสอบ Dark Web ช่วยให้องค์กรได้รับการแจ้งเตือนทันทีเมื่อข้อมูลรับรองที่รั่วไหลของลูกค้าปรากฏอยู่ในฐานข้อมูลที่ถูกเปิดเผย ทำให้มีโอกาสสำคัญในการดำเนินการทันที เช่น การรีเซ็ตรหัสผ่านและล็อกบัญชีเพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
5. การรักษาความปลอดภัยข้อมูลตัวตนแบบรวมศูนย์บนคลาวด์ (Cloud-Centralized Identity Security)
การจัดการความปลอดภัยข้อมูลตัวตนผ่านเครื่องมือและแพลตฟอร์มที่หลากหลายเป็นเรื่องยุ่งยาก คำตอบคือโซลูชันข้อมูลตัวตนที่ใช้ ระบบคลาวด์เป็นศูนย์กลาง ที่สามารถซิงค์กับระบบของบุคคลที่สามได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถจัดการลูกค้าหลายรายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการจัดเตรียมโทเค็นอัตโนมัติ (Automated Token Provisioning) และการบังคับใช้นโยบายที่สอดคล้องกันทั่วทั้งสภาพแวดล้อมทั้งหมด
Reference : WatchGuard
To give you a better experience, by continuing to use our website, you are agreeing to the use of cookies and personal data as set out in our Privacy Policy | Terms and Conditions