News Update

News Update

เมื่อ AI กลายเป็นยามเฝ้าบ้านยุคดิจิทัล: เจาะลึกกลยุทธ์ AI ของแบรนด์ Endpoint Security ชั้นนำ

 

ท่ามกลางสมรภูมิไซเบอร์ที่ดุเดือด AI ไม่ได้เป็นเพียงส่วนเสริมอีกต่อไป แต่กลายเป็นอาวุธสำคัญที่ช่วยให้ระบบ Endpoint Security สามารถรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนและยังไม่เคยรู้จักได้ในปัจจุบัน แต่รู้หรือไม่ว่ายามดิจิทัลเหล่านี้มีวิธีการทำงานที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง? เราจะมาเจาะลึก 3 หลักการทำงานหลักของ AI ในวงการ Endpoint Security ที่ถูกใช้โดยแบรนด์ชั้นนำ

 

หลักการทำงานแบบที่ 1: "หุ่นยนต์พิทักษ์โลก" 🤖 - AI On Endpoint (Stand-alone)

 

แนวทางนี้เชื่อว่าการตัดสินใจที่รวดเร็วที่สุดคือการตัดสินใจที่หน้างาน แบรนด์ที่ใช้แนวทางนี้จะติดตั้ง "สมอง AI" หรือโมเดล Machine Learning ไว้ในตัว Agent บนเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง ทำให้สามารถวิเคราะห์และตัดสินใจได้ทันทีโดยไม่ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ต


   

ตัวอย่างแบรนด์: CrowdStrike, SentinelOne, ESET, Seqrite, Bitdefender


   

ข้อดี:

  •         รวดเร็วปานสายฟ้า: สามารถตรวจจับและยับยั้งภัยคุกคามได้ในเวลาเสี้ยววินาที
  •         ทำงานได้ทุกที่: ป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสถานการณ์ที่ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  •         ใช้ทรัพยากรน้อย: ตัว Agent มักมีขนาดเล็กและใช้ทรัพยากรเครื่องไม่มาก

   

ข้อเสีย:

  •         การอัปเดต: โมเดล AI ต้องได้รับการอัปเดตเป็นระยะเพื่อให้ทันกับภัยคุกคามใหม่ๆ
 

หลักการทำงานแบบที่ 2: "กองทัพสายลับโลก" 🌍 - AI Cloud-dependent

 

แนวทางนี้มองว่าข้อมูลคือขุมพลัง AI ที่แท้จริง แบรนด์ที่ใช้แนวทางนี้จะพึ่งพาฐานข้อมูลขนาดใหญ่บน Cloud เพื่อให้ AI ได้เรียนรู้จากข้อมูลเชิงลึกของภัยคุกคามที่รวบรวมจากผู้ใช้ทั่วโลก


   

ตัวอย่างแบรนด์: Kaspersky


   

ข้อดี:

  •         ฉลาดเป็นกรด: สามารถเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูล Big Data เพื่อระบุภัยคุกคามที่ไม่เคยรู้จักได้อย่างแม่นยำ
  •         เรียนรู้ไม่หยุด: โมเดล AI สามารถปรับปรุงตัวเองได้อย่างต่อเนื่องแบบเรียลไทม์

   

ข้อเสีย:

  •         พึ่งพาอินเทอร์เน็ต: ประสิทธิภาพจะลดลงอย่างมากเมื่อไม่มีการเชื่อมต่อกับ Cloud
  •         ความรวดเร็ว: อาจมีความหน่วงในการส่งข้อมูลไปวิเคราะห์บน Cloud
 

หลักการทำงานแบบที่ 3: "หน่วยพิเศษผสมผสาน" 🧠☁️ - Hybrid AI

 

แนวทางนี้คือการรวมพลังของทั้ง 2 แบบเข้าด้วยกัน แบรนด์เหล่านี้จะให้ AI Agent ทำงานเบื้องต้นบนเครื่องก่อน และเมื่อพบสิ่งที่น่าสงสัย จะส่งข้อมูลไปวิเคราะห์เพิ่มเติมบน Cloud เพื่อการยืนยันที่แม่นยำยิ่งขึ้น และสามารถจัดการแบบรวมศูนย์ได้


   

ตัวอย่างแบรนด์: Sophos, Sangfor


   

ข้อดี:

  •         ครอบคลุมรอบด้าน: ได้รับประโยชน์ทั้งจากความรวดเร็วของ AI On Endpoint และความแม่นยำของ Cloud AI
  •         ยืดหยุ่นสูง: สามารถปรับระดับการป้องกันให้เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ได้

   

ข้อเสีย:

  •         ความซับซ้อน: สถาปัตยกรรมอาจมีความซับซ้อนกว่า
  •         ทรัพยากร: อาจใช้ทรัพยากรมากกว่าบางแนวทาง
 

การทำความเข้าใจความแตกต่างของแต่ละแนวทางจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือก Endpoint Security ที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาพแวดล้อมการใช้งานขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

share :

This website Collects

To give you a better experience, by continuing to use our website, you are agreeing to the use of cookies and personal data as set out in our Privacy Policy | Terms and Conditions

Accept